สถิติ

74688348

คคบ. ฟ้องผู้ประกอบการ 36 ราย ละเมิดสิทธิผู้บริโภค  

หมวดหมู่: ขายตรง

   คคบ. ฟ้องผู้ประกอบการ 36 ราย ละเมิดสิทธิผู้บริโภค

   เล็ง!คุมเข้มแนวทางการใช้ข้อความโฆษณาInfluencer 

   นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ 3/2568 ซึ่งที่ประชุมได้เตรียมออกประกาศเพื่อกำหนดแนวทางการใช้ข้อความโฆษณาที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้า

   กรณีมีกลุ่มคนที่มีอิทธิพลทางโซเซียลมีเดีย (Influencer) ทำการโฆษณาขายสินค้าเครื่องอุปโภค ควบคู่กับการทำคอนเทนต์ (Content) เพื่อดึงดูดและสร้างความบันเทิงให้กับผู้บริโภค ในการเข้ามารับชมและเลือกซื้อสินค้า

   โดยนำสินค้าดังกล่าววางไว้บริเวณใกล้เคียง ทำให้เกิดความสับสนหลงผิดเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้าที่มีการนำเสนอขายให้กับผู้บริโภค โดยให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและชัดเจนเพียงพอแก่ผู้บริโภค

   และมีมติสั่งฟ้องผู้ประกอบการรวมกว่า 36 ราย ฐานละเมิดสิทธิผู้บริโภค รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท ครอบคลุมหลายกลุ่มธุรกิจ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ สินค้า และบริการ รายละเอียด ดังนี้ 

   ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ 7 ราย

  1. กรณีทำสัญญาจ้างก่อสร้างบ้าน ผู้บริโภคได้จ้างก่อสร้างบ้านพักอาศัย ในราคา 1,200,000 บาท ชำระเงินแล้ว 3 งวด และได้หักเงินประกันผลงาน จึงเป็นเงินที่ชำระจริง 203,700 บาท ต่อมาผู้รับจ้างได้ทิ้งงาน ไม่ดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จตามสัญญา จึงขอยกเลิก และว่าจ้างผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาดำเนินการ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขงานก่อสร้างที่ไม่เรียบร้อย มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 110,320 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  2. กรณีทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้าน ผู้บริโภคทำทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้านพักอาศัย ในราคา 1,050,000 บาท ตกลงชำระค่าจ้าง 7 งวด ผู้บริโภคชำระเงินแล้วงวดที่ 1 ถึงงวดที่ 3 รวมเป็นเงินจำนวน 600,000 บาท และได้ซื้อหลังคาเพิ่มเติมเป็นเงินจำนวน 28,200 บาท ต่อมาบริษัทเข้าดำเนินการก่อสร้าง แต่ไม่แล้วเสร็จและทิ้งงานไว้ งานที่ทำไว้ไม่ถูกต้องตามแบบที่ขออนุญาต ผู้บริโภคจึงประสงค์ให้ผู้รับจ้างคืนเงินในส่วนที่ยังไม่ดำเนินการ จำนวน 201,800 บาท และขอให้ตรวจสอบสัญญาว่าจ้างก่อสร้าง มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงินจำนวน 253,695 บาท ชดใช้ค่ารื้อและแก้ไขพื้นใหม่ให้เป็นไปตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต จำนวน 64,350 บาท และชดใช้ค่าว่าจ้างวิศวกรตรวจสอบงานก่อสร้างบ้านเป็นจำนวน 15,000 บาท รวมเป็นเงิน 333,045 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  3. กรณีทำสัญญาซื้อขายห้องชุด ผู้บริโภคทำสัญญาซื้อขายห้องชุด ราคา 1,687,707 บาท เมื่อเข้าพักอาศัยพบว่าผนังกั้นระหว่างห้องแตกร้าวจากเพดานจนถึงพื้นห้อง ได้แจ้งบริษัทเข้าแก้ไขหลายครั้ง แต่พบปัญหาแตกร้าวมากขึ้นกว่าเดิม และให้บริษัทส่งวิศวกรเข้าตรวจสอบและเร่งแก้ไขปัญหา ได้รับทราบว่าห้องข้างๆ มีปัญหาเช่นเดียวกัน ทำให้ไม่มั่นใจเกี่ยวกับความแข็งแรง อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จึงมีความประสงค์ขอให้บริษัทชดเชยค่าเสียหาย มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้ บริษัทแก้ไขซ่อมแซมความเสียหาย หากไม่ดำเนินการได้ ให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 52,000 บาท และค่าเสียหายจากการเช่าห้องพักอาศัย จำนวน 14,000 บาท รวมเป็นเงิน 66,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  4. กรณีทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างอาคาร ผู้บริโภคจ้างเหมาก่อสร้างอาคารเพื่อก่อสร้างอาคารพักอาศัย ราคา 2,800,000 บาท ได้ชำระเงินมัดจำ จำนวน 268,800 บาท และชำระเงินค่างวดงาน 3 งวด เป็นเงิน 1,075,200 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,344,000 บาท  แต่ต่อมาผู้รับจ้างดำเนินงานไม่แล้วเสร็จและทิ้งงานไป มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงินจำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  5. กรณีทำสัญญาเช่าห้องพักอาศัย ผู้บริโภคทำสัญญาเช่าห้องพักอาศัย มีกำหนดระยะเวลาเช่า 1 ปี ค่าเช่าเดือนละ 3,200 บาท ได้ชำระเงินค่าเช่าล่วงหน้าจำนวน 3,200 บาท และค่าประกันการเช่าอีกจำนวน 4,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 7,200 บาท ต่อมาได้แจ้งขอย้ายออกเนื่องจากต้องเดินทางไปทำงานแห่งใหม่และขอเงินประกันค่าเช่าคืน แต่ถูกปฏิเสธ มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงินจำนวน 4,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  6. กรณีทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้านสำเร็จรูป ผู้บริโภคจำนวน 3 ราย ทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้านสำเร็จรูป ตกลงในราคา 888,100 บาท แบ่งชำระ 4 งวด ชำระเงินค่าว่าจ้างไปแล้วจำนวน 702,240 บาท แต่ปรากฏว่าผู้รับจ้างดำเนินงานไม่แล้วเสร็จและทิ้งงาน ทำให้ได้รับความเสียหายจึงมีความประสงค์ขอให้ผู้รับจ้างชดใช้ค่าเสียหาย มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงินจำนวน 2,203,240 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  7. กรณีทำสัญญาจ้างเหมางาน Renovate ผู้บริโภคทำสัญญาจ้างเหมางาน Renovate บ้าน 2 ชั้น ราคา 1,393,000 บาท แบ่งชำระเงิน 8 งวด ต่อมาได้ทำ สัญญาว่าจ้างงานเพิ่มเติมอีกจำนวน 45,000 บาท ได้ชำระเงินไปแล้วรวมจำนวน 1,352,812 บาท ต่อมาดำเนินงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญาจึงได้ตกลงขยายระยะเวลาการดำเนินงานออกไป แต่เมื่อถึงกำหนดไม่สามารถดำเนินงานให้เสร็จตามที่ตกลงไว้ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงินจำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

   ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป จำนวน 29 ราย 

  1. กรณีสั่งซื้อกางเกงผ้าฝ้ายไม่ตรงตามที่สั่ง ผู้บริโภคได้สั่งซื้อกางเกงผ้าฝ้ายทอมือ 2 ตัว ราคา 1,440 บาท กับเฟซบุ๊กแบบ เรียกเก็บเงินปลายทาง และผู้ขายโฆษณาว่า “เวอร์ชั่นใหม่ 2023 เหมาะกับทุกรูปร่างและทุกสภาพผิว ดึงดูดทุก สายตา ทั้งสวยและหรูหรา” เมื่อได้รับสินค้าจากบริษัทขนส่ง ได้ชำระเงินให้แก่พนักงาน หลังจากนั้นตรวจสอบพบว่าสินค้าที่ได้รับไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ จึงมีความประสงค์ให้ผู้ขายคืนเงินให้ทั้งหมด มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้ผู้ขายคืนเงินจำนวน 1,440 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  2. กรณีสั่งซื้อแว่นตาไม่ตรงตามที่สั่ง ผู้บริโภคได้สั่งซื้อแว่นตาอัจฉริยะปรับโฟกัสอัตโนมัติ ราคา 699 บาท ซื้อ 1 แถม 1 แบบเรียกเก็บเงินปลายทาง กับเว็บไซต์ โดยผู้ขายโฆษณาว่า “แว่นตาอเนกประสงค์อัจฉริยะปรับโฟกัสได้ มองใกล้ได้ มองไกลได้ ชัดเจนมาก เหมาะสำหรับผู้คนมีสายตาทุกชนิด เก็บเงินปลายทางภายใน 7 วัน คืนได้โดยไม่มีเหตุผล” เมื่อได้รับสินค้าโดยบริษัทขนส่ง จึงได้ชำระเงินให้พนักงาน โดยการโอนเงิน หลังจากตรวจสอบพบว่าสินค้าที่ได้รับเป็นแว่นตาพลาสติก ไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ จึงขอเงินคืนทั้งหมด มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้ผู้ขายคืนเงินจำนวน 299 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  3. กรณีว่าจ้างติดตั้งเหล็กดัดประตูแต่ไม่ดำเนินการให้ ผู้บริโภคว่าจ้างติดตั้งเหล็กดัดประตูราคา 11,000 บาท ได้ชำระเงินแล้วจำนวน 5,000 บาท ปรากฏว่าผู้รับจ้างไม่ดำเนินการติดตั้งเหล็กดัดประตูให้ และไม่สามารถติดต่อผู้รับจ้างได้ จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  4. กรณีสั่งซื้อตุ๊กตาลาบูบู้ไม่ได้รับ ผู้บริโภคสั่งซื้อ ตุ๊กตาลาบูบู้ เวอร์ 2 (Labubu V.2) ราคา 570 บาท กับผู้ขายผ่านเฟซบุ๊ก ได้ชำระเงิน ครบถ้วนแล้วโดยการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร หลังจากนั้นได้ติดต่อผู้ขายเพื่อขอสอบถามหมายเลขพัสดุในการจัดส่งสินค้า แต่ผู้ขายเพิกเฉย และปัจจุบันยังไม่ได้รับสินค้าตามที่สั่งซื้อแต่อย่างใด จึงมีความประสงค์ให้ผู้ขายคืนเงินให้ทั้งหมด จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 570 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  5. กรณีสั่งซื้อวุ้นพวงมาลัยไม่ได้รับ ผู้บริโภคสั่งซื้อวุ้นพวงมาลัยพวงใหญ่จำนวน 1 พวง ราคา 400 บาท ค่าขนส่ง จำนวน 100 บาท รวมเป็น จำนวนเงิน 500 บาท กับร้านขาย ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ได้ชำระเงินครบถ้วนแล้วโดยการโอนเงินไปยังบัญชี ธนาคาร ต่อมาผู้ขายไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้จึงแจ้งผู้ขายขอเงินคืนทั้งหมด ปัจจุบันผู้ขายยังไม่ได้คืนเงินให้ จึงความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 500 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  6. กรณีว่าจ้างติดตั้งผ้าม่านและวอลเปเปอร์ไม่ได้ตามที่สั่ง ผู้บริโภคว่าจ้างติดตั้งผ้าม่านและวอลเปเปอร์ ราคา 24,670 บาท ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ ได้ชำระเงินครบถ้วนแล้วโดยโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร ต่อมาร้านติดตั้งวอลเปเปอร์ให้ไม่เรียบร้อย ทำให้เกิดความเสียหาย จึงมีความประสงค์ให้ร้านแก้ไขความเสียหาย แต่บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงมีความประสงค์ให้คืนเงินทั้งหมด จึงขอความเป็นธรรม  มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 35,200 บาทพร้อมดอกเบี้ย
  7. กรณีสั่งซื้อกันชนรถยนต์ใช้แล้วไม่ตรงตามที่สั่ง ผู้บริโภคสั่งซื้อกันชนรถยนต์ใช้แล้ว 1 อัน ราคา 1,500 บาท กับผู้ขายผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้ขายแจ้งว่ามีรอยตำหนิเล็กน้อย และผู้บริโภคได้ชำระเงินครบถ้วนแล้ว โดยการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร ต่อมาได้รับกันชนรถยนต์ พบว่า สินค้ามีความเสียหาย มีรอยตำหนิจำนวนมาก ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ จึงมีความประสงค์ให้ผู้ขายคืนเงินให้ทั้งหมด จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 1,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  8. กรณีสั่งซื้อกรงดักหนู่ไม่ตรงตามที่สั่ง ผู้บริโภคสั่งซื้อกรงดักหนูแบบพรีเมี่ยม ราคา 690 บาท ซื้อ 1 แถม 1 กับผู้ขาย ผ่านเฟ ซบุ๊ก ได้ชำระเงินครบถ้วนแล้ว โดยโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร ต่อมาได้รับสินค้าจากบริษัทขนส่ง หลังจากตรวจสอบพบว่าสินค้าที่ได้รับเป็นไม่ตรงตามแบบที่สั่งซื้อ จึงติดต่อผู้ขาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม บังคับให้ส่งมอบกรงดักหนูแบบพรีเมี่ยมที่เหลือจำนวน 1 อัน หรือคืนเงินจำนวน 690 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  9. กรณีซื้อเสื้อไม่ตรงตามที่สั่ง ผู้บริโภคซื้อเสื้อเชิ้ต จำนวน 3 ตัวราคา 179 บาท กับผู้ขายผ่านเฟซบุ๊กแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง ต่อมาได้รับสินค้าดังกล่าว จากบริษัท ขนส่ง จึงได้ชำระเงินให้แก่พนักงาน หลังจากนั้นผู้บริโภคตรวจสอบพบว่าสินค้าที่ได้รับเป็นเสื้อเชิ้ต 3 ตัว ไม่ตรงตามรูปแบบและลวดลายที่ผู้บริโภคสั่งซื้อ จึงขอความเป็นธรรม  มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 179 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  10. กรณีซื้อส้มและได้ส้มที่เน่าเสีย ผู้บริโภคสั่งซื้อส้มเนื้อสีแดงนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย 1 ลัง ราคา 420 บาท กับบริษัทผู้ขาย ผ่านเฟซบุ๊ก และได้ชำระเงินครบถ้วนแล้วโดยการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร ต่อมาได้รับสินค้าดังกล่าวพบว่าสินค้าเน่าเสียไม่สามารถรับประทานได้ จึงมีความประสงค์ขอขายคืนเงินทั้งหมดและจึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 420 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  11. กรณีจองขี่ม้าและให้บริการไม่ได้ ผู้บริโภคจองบริการกิจกรรมขี่ม้าจำนวน 3 คน ค่าบริการคนละ 690 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 2,070 บาท กับเฟซบุ๊ก ได้ชำระเงินครบถ้วนแล้วโดยการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร หลังจากนั้นปรากฏว่าผู้ให้บริการไม่สามารถให้บริการขี่ม้าได้ จึงแจ้งขอคืนเงินทั้งหมด แต่ยังไม่ได้คืนเงินแต่อย่างใด จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 2,070 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  12. กรณีทำสัญญาซื้อขายบ้านน๊อคดาวน์และไม่ได้ ผู้บริโภคทำสัญญาซื้อขายบ้านน็อคดาวน์สำเร็จรูป 1 หลัง ราคา 359,000 บาท แบ่งชำระ 4 งวดกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ต่อมาได้ว่าจ้างต่อเติมบ้านน็อคดาวน์ ราคา 53,000 บาท รวมเป็นเงิน 412,000 บาท ซึ่งผู้บริโภคเป็นผู้ชำระเงินให้แก่ห้างฯ รวมเป็นเงิน 376,100 บาท โดยการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร และชำระเงินงวดสุดท้าย จำนวน 35,900 บาท แต่ห้างฯ ไม่ส่งมอบบ้านน็อคดาวน์ให้ จึงมีความประสงค์ให้คืนเงินทั้งหมด จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 376,100 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  13. กรณีสมัครบัตรเครดิตแต่ไม่ได้ใช้ ผู้บริโภคได้สมัครบริการบัตรเครดิตกับบริษัทธนาคาร และได้สมัครบริการบัตรเครดิตบัตรเสริม ต่อมาได้รับ SMS จากบริษัทมีรายการที่ต้องชำระจากบัตรเสริม 2 รายการรวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 144,29 บาท โดยผู้บริโภคไม่ได้เป็นผู้ทำรายการดังกล่าวทำให้ได้รับความเดือดร้อน จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้ระงับการเรียกเก็บ เงินจำนวน 144,817.29 บาท ค่าติดตามทวงถามและดอกเบี้ยล่าช้าที่เกิดขึ้น หากบริษัทเรียกเก็บเงิน กับผู้บริโภคแล้วให้คืนเงินจำนวน 144,817.29 บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้ส่งเรื่องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
  14. กรณีซื้อนมผงไม่มีมาตรฐาน ผู้บริโภคได้สั่งซื้อผลิตภัณฑ์นมผงยี่ห้อ Ovisure Gold ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันไลน์ จำนวน 3 กระป๋อง แถมฟรี 1 กระป๋อง รวมทั้งสิ้น 4 กระป๋อง ราคา 3,490 บาท ซึ่งเพจฯ ใช้บริการขนส่งสินค้าของบริษัทขนส่ง ต่อมาได้รับสินค้าและใช้บริการชำระเงินปลายทางให้แก่พนักงานขนส่ง และตรวจสอบพบว่าสินค้าไม่มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน อย.  จึงติดต่อไปยังเพจฯ เพื่อแจ้งความประสงค์ให้คืนเงินและขอคืนสินค้าทั้งหมด ปรากฏว่า เพจฯ ปฏิเสธ มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 3,490 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  15. กรณีสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้มาตรฐาน ผู้บริโภคสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้สักผ่านช่องทางแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ในราคา 48,900 บาท และซื้อที่นอนสุขภาพ (ฟูกที่นอน) จากร้านอื่นราคา 9,000 บาท เพื่อดำเนินการใช้งานกับเตียง ต่อมาผู้บริโภคได้รับ เฟอร์นิเจอร์แล้วตรวจสอบพบว่าเฟอร์นิเจอร์มีรอยแตกและไม่สามารถใช้งาน โดยขนาดของเตียงนอนไม่พอดีกับขนาดของฟูก ตลอดจนการขนส่งดังกล่าวทำให้พื้นและวอลเปเปอร์ภายในห้องเกิดความเสียหาย จึงติดต่อ ไปยังห้างฯ เพื่อแจ้งปัญหา และได้รับแจ้งว่าสามารถแก้ไขได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขให้หายเป็นปกติได้ มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 22,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  16. กรณีว่าจ้างบริการอัดสารเคมี ผู้บริโภคว่าจ้างบริการอัดสารเคมีที่คานคอดินก่อนเทพื้นสร้างบ้าน (Soil Treatment) ในราคา 60,900 บาท ชำระ เงินมัดจำนวน 30,495 บาท ต่อมาบริษัทฯ แจ้งว่าฝนตกทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงขอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ต่อมาไม่มีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับระยะเวลาการอัดสารเคมีและมีความประสงค์ขอเงินมัดจำคืน มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 30,495 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  17. กรณีจ้างดูแลผู้ป่วยไม่คืนเงินมัดจำ ผู้บริโภคทำสัญญาว่าจ้างดูแลผู้สูงอายุ กับห้างหุ้นส่วนจำกัด เพื่อจัดหาพนักงานมาดูแลมารดา ในวันดังกล่าวได้ชำระเงินมัดจำล่วงหน้า 1 เดือน เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท และค่าบริการรวมค่าจัดส่งพนักงาน จำนวน 10,000 บาท รวมเป็นเงิน จำนวน 30,000 บาท เมื่อครบกำหนดสัญญาจ้าง ปรากฏว่าห้างฯ ไม่ได้คืนเงินมัดจำ มติที่ประชุม ดำเนินคดีเพ่งบังคับให้คืนเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  18. กรณีทำสัญญาว่าจ้างคนดูแลผู้สูงอายุ ผู้บริโภคได้ทำสัญญาว่าจ้างเจ้าหน้าที่กับบริษัท เพื่อดูแลผู้สูงอายุ โดยชำระเงินเดือน วันหยุดโอที ค่าอาหารของพนักงานล่วงหน้า รวมเป็นเงินจำนวน 30,500 บาท เพื่อดูแลผู้สูงอายุ ต่อมาพนักงานดูแลได้แจ้งว่าไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากบริษัทไม่ได้จ่ายค่าจ้างให้ จึงขอยกเลิกสัญญาดังกล่าวและขอเงินคืนจำนวน 25,548 บาท ซึ่งบริษัทได้โอนเงินคืน จำนวน 5,548 บาท ให้กับผู้บริโภค และส่วนที่เหลือจำนวน 20,000 บาท บริษัทจะคืนให้ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้คืนเงินจำนวนดังกล่าว มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน จำนวน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  19. กรณีทำสัญญาว่าจ้างดูแลผู้สูงอายุ ผู้บริโภคได้ทำสัญญาว่าจ้างดูแลผู้สูงอายุ กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้ชำระเงินมัดจำ จำนวน 18,000 บาท ค่าบริการ 5,000 บาท ค่าเดินทาง 1,000 บาท และค่าเปอร์เซ็นต์ของพนักงาน เป็นเงินจำนวน 4,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 28,000 บาท โดยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว ต่อมาได้แจ้งไปยังห้างฯ เพื่อขอยกเลิกสัญญา เนื่องจากพนักงานไม่มีคุณสมบัติตามที่ได้แจ้งและขอให้คืนเงินจำนวน 26,500 บาท แต่ห้างฯ บ่ายเบี่ยง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 28,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  20. กรณีว่าจ้างพนักงานดูแลบุตร ผู้บริโภคทำสัญญาว่าจ้างห้างหุ้นส่วน จำกัด เพื่อจัดหาพนักงานมาดูแลบุตรของผู้ ในอัตราค่าจ้างเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งผู้บริโภคได้ชำระเงินประกันสัญญาว่าจ้างเป็น เงินจำนวน 10,000 บาท ค่าว่าจ้างล่วงหน้าเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ได้ชำระค่าว่าจ้าง 1 เดือน เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 50,000 บาท ต่อมาเมื่อพนักงานของห้างฯ มาปฏิบัติงาน ได้ขอแจ้งออกเนื่องจากมีธุระส่วนตัว จึงติดต่อไปยังห้างฯ เพื่อขอให้จัดส่งพนักงานคนใหม่มาแทน ปรากฏว่าห้างฯ ไม่ได้จัดส่งพนักงานมาตามที่แจ้ง จึงขอยกเลิกสัญญา มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 27,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  21. กรณีทำสัญญาว่าจ้างดูแลผู้ป่วย ผู้บริโภคทำสัญญาว่าจ้างเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยกับบริษัท ได้ชำระเงินค่ามัดจำ จำนวน 22,000 บาท ค่าดำเนินการจัดส่ง จำนวน 2,000 บาท ค่าอาหาร จำนวน 4,650 บาท และค่าทำงานล่วงหน้า วันละ 800 บาท เป็นเงิน จำนวน 6,400 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35,050 บาท ด้วยวิธีการโอนเข้าบัญชีธนาคาร ต่อมาบิดาผู้ได้รับการดูแลเสียชีวิต จึงติดต่อไปยังบริษัท เพื่อขอคืนเงินมัดจำและค่าบริการในส่วนที่ยังไม่ได้ใช้บริการ ปัจจุบันยังไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  22. กรณีทำสัญญาซื้อรถยนต์ใช้แล้วได้กุญแจไม่ครบ ผู้บริโภคทำสัญญาซื้อรถยนต์ใช้แล้ว ราคา 3,630,560 บาท เมื่อถึงกำหนดวันส่งมอบรถยนต์ ปรากฏว่าบริษัทส่งมอบรถยนต์พร้อมกุญแจ จำนวน 1 ดอก ผู้บริโภคจึงทวงถามและได้รับการแจ้งว่า จะส่งมอบกุญแจรถยนต์ที่เหลือภายหลัง ต่อมาผู้บริโภคติดต่อไปยังบริษัท เพื่อทวงถามอีกครั้ง แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยง กรณีดังกล่าวทำให้ผู้บริโภค ได้รับความเสียหาย มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้ส่งมอบกุญแจดอกที่สอง ในสภาพที่สามารถใช้การได้ปกติ และหากไม่สามารถส่งมอบกุญแจดังกล่าวได้ ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  23. กรณีใช้บริการซ่อมกระเป๋า ผู้บริโภคตกลงใช้บริการเกี่ยวกับกระเป๋า โดยชำระเงิน จำนวน 6,000 บาท ค่าซ่อมแซมยาแนวกระเป๋า เป็นเงินจำนวน 2,000 บาท บริการทำความสะอาดกระเป๋า จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,000 บาท ซึ่งผู้บริโภคได้ใช้บริการซ่อมยาแนวกระเป๋าและใช้บริการทำความสะอาดกระเป๋า 1 ครั้งแล้ว ภายหลังใช้บริการทำความสะอาดกระเป๋าใบแรกเสร็จและไม่พึงพอใจในการบริการของร้าน จึงประสงค์ขอยกเลิกสัญญาและขอเงินในส่วนที่ยังไม่ได้ใช้บริการคืน มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืน 2,000 เงินพร้อมดอกเบี้ย
  24. กรณีสมัครเข้าค่ายแนะแนว ผู้บริโภคสมัครเข้าค่ายแนะแนวเด็กเตรียมแพทย์กับบริษัท โดยชำระเงินจำนวน 8,990 บาท ต่อมาเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid 2019) บริษัทไม่สามารถเปิดค่ายได้และแจ้งจะคืนเงิน ปัจจุบันผู้บริโภคยังไม่ได้รับการคืนเงิน มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 8,990 พร้อมดอกเบี้ย
  25. กรณีซื้อแพกเกจนำเที่ยวและไม่ได้ไป ผู้บริโภคจำนวน 2 ราย ร้องทุกข์ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ราคาท่านละ 4,500 บาท ชำระเงินจำนวน 15,000 บาท และจำนวน 12,000 บาท ต่อมาได้ติดต่อผู้บริโภคแจ้งว่าขาดสภาพคล่องไม่สามารถเดินทางตามรายการนำเที่ยวได้ จึงมีความประสงค์ขอเงินคืนจำนวน 27,000 บาท ผู้บริโภครายที่ 2 ได้ชำระเงินจำนวน 28,880 บาท ต่อมาได้รับแจ้งว่าไม่สามารถจัดรายการนำเที่ยวได้ ผู้บริโภคจึงแจ้งขอเงินค่ารายการนำเที่ยว ปัจจุบันผู้บริโภคยังไม่ได้รับเงินคืน มติที่ประชุมดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 55,880 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  26. กรณีซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน ผู้บริโภคซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน ชำระเงินเข้าบัญชีบริษัท จำนวน 257,273 บาท แต่ปรากฏว่าบริษัท ไม่สามารถออกบัตรโดยสารเครื่องบินให้ได้ จึงซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินจากสายการบิน EVA Air โดยตรงฯ จำนวน 371,303.62 บาท มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้ร่วมกันหรือแทนกันคืนเงินเป็นดอกเบี้ยตามกฎหมายของยอดเงิน 257,273 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ชำระยอดเงินส่วนต่างบัตรโดยสารเครื่องบินจำนวน 114,066.62 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  27. กรณีสั่งซื้อขนมเปี๊ยะและหมดอายุ ผู้บริโภคได้สั่งซื้อสินค้าขนมเปี๊ยะ รวมทั้งสิ้นจำนวน 3 ชิ้น ราคา 226 บาท ผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท หลังจาก รับประทานแล้วรู้สึกปวดท้องและมีอาการท้องเสียจึงตรวจดูวันหมดอายุของสินค้า ปรากฏว่าสินค้าหมดอายุแล้ว จึงมีความประสงค์เรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 45,000 บาท มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้จ่ายค่าเสียหายให้ผู้บริโภค
  28. กรณีสั่งเกมผ่าน App และโดนหักเงิน ผู้บริโภคสั่งซื้อเกม The walking dead ผ่านระบบ App store ของบริษัท จำนวน 1 รายการ ราคา 2,200 บาท แต่ผู้บริโภคชำระราคาสินค้าผ่านบัตรเครดิตไม่สำเร็จและก็ไม่ได้รับสินค้าตามคำสั่งซื้อดังกล่าว ต่อมาบริษัทได้ดำเนินการระงับ Apple id และเรียกเก็บค่าบริการจากผู้บริโภคโดยอ้างว่าคำสั่งซื้อดังกล่าวสำเร็จแล้ว จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 2,200 บาท พร้อมดอกเบี้ย
  29. กรณีสั่งซื้อโทรศัพท์และไม่ได้รับ ผู้บริโภคได้สั่งซื้อโทรศัพที่ห้อ Samsung ประกันศูนย์สี Green กับร้านค้า ผ่านแอปพลิเคชัน ราคา 19,651 บาท เลือกชำระเงินค่าสินค้าโดยวิธีการเรียกเก็บเงินปลายทาง ราคารวมทั้งสิ้น 19,552 บาท เมื่อได้รับสินค้าที่จัดส่งโดยบริษัทขนส่ง ได้ชำระเงินค่าสินค้าโดยวิธีการเรียกเก็บเงินปลายทาง ได้โอนเงินให้พนักงานขนส่งจำนวน 19,552 บาท เมื่อได้ตรวจสอบสินค้า ปรากฏว่าไม่ใช่สินค้าโทรศัพท์ตามที่สั่งซื้อ โดยร้านค้าแจ้งว่า จะส่งสินค้าให้ใหม่ภายใน 3 วัน แต่ปรากฏว่าร้านค้าฯ ไม่ส่งสินค้าให้ตามสัญญาแต่อย่างใด จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งบังคับให้คืนเงิน 19,552 บาท พร้อมดอกเบี้ย 

   จากการประชุมได้มีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ 7 ราย และดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป 29 ราย โดยได้มีการดำเนินคดีแพ่งแก่ ผู้ประกอบธุรกิจที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค รวมจำนวน 36 ราย

   เพื่อให้คืนเงินแก่ผู้บริโภค เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 4,822,270.29 บาท (สี่ล้านแปดแสนสองหมื่นสองพันสองร้อยเจ็ดสิบบาทยี่สิบเก้าสตางค์) พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายและเสนอเรื่องต่อศาล

   เพื่อสั่งให้บริษัทดังกล่าว รวมถึงผู้มีอำนาจลงนามจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้นจากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงที่ศาลกำหนดตามที่เห็นสมควร

08 มิถุนายน 2568

ผู้ชม 106 ครั้ง

Engine by shopup.com