สถิติ

74698634

MGC-ASIA เสิร์ฟข่าวดี Q2/2568 ทยอยส่งมอบรถ จ่อบุ๊ครายได้    

   MGC-ASIA เสิร์ฟข่าวดี Q2/2568 ทยอยส่งมอบรถ จ่อบุ๊ครายได้

   ครึ่งปีแรกฟอร์มเจ๋งสัญญาณบวก ผลดำเนินงานทะยานต่อเนื่อง 

   บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA เสิร์ฟข่าวดีไตรมาส 2/2568 เดินหน้าทยอยส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ XPENG กว่า 1,500 คัน ตุนแบ็กล็อกในมือ 2,159 คัน

   พร้อมบุ๊ครายได้เข้ากระเป๋า ดันผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกทะยาน ด้าน ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประกาศมุ่งเน้นพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ หนุนผลงานปี 2568 เติบโตอย่างสดใส

   ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยถึงทิศทางภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ว่า ครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานมีแนวโน้มปรับตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

   โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตแบบก้าวกระโดดรับเมกะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้บริษัทได้รับอานิสงค์และมียอดจองรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

   โดยเห็นได้จากยอดคำสั่งซื้อรถยนต์ที่ยังคงมีอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ไตรมาสแรก และต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2/2568 โดยเฉพาะ XPENG  ที่รอทยอยส่งมอบรถให้ลูกค้ากว่า 1,500 คัน

   และ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 บริษัทมีสินค้ารอส่งมอบ (Backlog) 2,159 คัน โดยแบ่งเป็น XPENG จำนวน 1,265 คัน, ZEEKR 248 คัน, Rolls-Royce 8 คัน, BMW 179 คัน, MINI 62 คัน, HONDA 228 คัน, Harley-Davidson 67 คัน และ BMW Motorrad  102 คัน

   ขณะที่กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) บริษัทมุ่งตอกย้ำศักยภาพการให้บริการด้านการจัดการงานซ่อมให้ครอบคลุมทุกมิติ ตามมาตรฐานสากล สู่การสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income)

   โดยบริษัทมีแผนขยายสาขา MMS Car Service & Tire ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร (One-Stop Service) เพิ่มอีก 5 สาขา ในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ เพื่อเพิ่มบริการให้ครอบคลุมในหลากหลายพื้นที่

   “แผนการขยายสาขา บริษัทจะเลือกลงทุนบนทำเลที่มีศักยภาพ และเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ เพื่อยอดใช้บริการที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแผนการจะย้ายหรือปิดสาขาที่หมดอายุสัญญา รวมถึงสาขาที่ผลการดำเนินงานไม่เป็นตามเป้า เพื่อลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ” ดร.สัณหวุฒิ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) ยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากฐานลูกค้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี ที่ยังคงมีดีมานด์การใช้เพิ่มขึ้น

   และบริษัทฯมีการบริหารปรับพอร์ตรถยนต์และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การมุ่งเน้นพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้ทุกกลุ่มธุรกิจ  

   กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) บริษัทมุ่งเน้นการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น และผลจากการบริหารค่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin: NIM) ที่ปรับตัวดีขึ้น

   จากปัจจัยสนับสนุนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2% เหลือ 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงครึ่งปีหลัง ส่งสัญญาณบวกต่อธุรกิจที่สามารถเปิดโอกาสให้การลงทุนและสินเชื่อเอกชนกลับมาฟื้นตัว

   และจากปัจจัยบวกดังกล่าว ส่งผลให้ Alpha Xสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อ Wealth Lending เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Ultra-high Net Worth ได้เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12,500 ล้านบาท

   นอกจากนี้บริษัทเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยนำเสนอการแก้ปัญหาในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า เพื่อสร้างผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

   และ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด วางแผนกลยุทธ์ที่จะขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าอาทิ ประกันสุขภาพดูแลสวัสดิการพนักงาน

   และประกันแบบกลุ่มที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในวัยเกษียณ รวมถึงยังได้ขยายการให้บริการ กลุ่มประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Insurance)

   ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจให้มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

   ซึ่งการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เป็นการต่อยอดจากเดิมที่ให้บริการครอบคลุมไปยังภาคพลังงานและพลังงานทางเลือก เพื่อต่อยอดธุรกิจให้อยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมให้อยู่อย่างยั่งยืน  

   ดร.สัณหวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตกว่าปีก่อน จากกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ภาวะกดดันจากหลายปัจจัยที่เข้ามา

   ทำให้บริษัทต้องวางแผนอย่างละเอียด เพื่อต่อยอดการเติบโตใน 4 ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ ที่จะมีการส่งมอบรถอีกประมาณ 2,100 คัน ภายในไตรมาส 2/2568 และไตรมาส 3/2568 โดยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

   ประกอบกับบริษัทเป็นผู้นำและจัดจำหน่ายรถยนต์ในเซกเมนต์พรีเมียม ทำให้ในปัจจุบันบริษัทได้มุ่งเน้นกับรถยนต์เพียงบางรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อลดภาระต้นทุนการขายไม่ให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

   “อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว จากผลกระทบของนโยบาย Trump 2.0 ที่มีการปรับเพิ่มกำแพงภาษีเพื่อกีดกันการค้า ส่งผลให้บริษัทต้องปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์บริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ

   ทำให้ในปัจจุบันการขยายธุรกิจไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนและนโยบายภาษีอย่างถี่ถ้วน เพื่อสร้างการลงทุนให้มีสิทธิภาพ และสร้างผลตอบแทน ที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกท่าน” ดร.สัณหวุฒิ กล่าวสรุป

22 พฤษภาคม 2568

ผู้ชม 116 ครั้ง

Engine by shopup.com